วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

คนทรงเจ้าตัวจรง



เรื่องของการทรงเจ้าเท่าที่พบเท่าที่เห็นในปัจจุบันก็ยังมีการถกการเถียง กันว่ามีเจ้ามาเข้าทรงจริงหรือเปล่า? หรือคนไปทรงเจ้า แต่เรื่องราวที่จะเล่า ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงประสบการณ์จริงๆที่ได้รับรู้มาจากศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ย จังหวัดระนอง ด้วยการที่เข้าไปหาข้อมูลเรื่องนี้จากศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ยและจากที่เห็นและรู้มาด้วยตัวเองว่า \"คนทรงเจ้า\" กับ \"เจ้าทรงคน\" นี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง\"เจ้าทรงคน\" ก็คือคนที่มีเจ้ามาเข้าทรงจริงๆ คนทรงมีการปฎิบัติตัวดีจริง จิตใจดีจริง เป็นคนคิดดีพูดดี ไม่มีอิจฉาริษยา ซึ่งจะมาในลักษณะของพลังงานแฝงที่ไม่สามารถเห็นได้เป็นญาณเป็นพลังงาน มาเชื่อมจิตมาเชื่อมใจ สามารถที่จะสั่งให้สังขารของร่างทำอะไรได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเสียบเหล็กที่แหลมคมลงบนร่างกายเป็นสิบเล่ม ก็ไม่เป็นไร ซึ่งการกระทำดังกล่าวตามความเชื่อเล่าว่าเป็นการรับทุกข์รับเคราะห์หรือสะเดาะห์เคราะห์ให้กับผู้เข้าร่วมถือศีล กินเจ โดยผ่านสังขารของม้าทรง หรืออีกนับหนึ่งคือการถ่ายบาป ถ่ายกรรมให้กับคนทรง ซึ่งจะเห็นได้จากที่จังหวัดภูเก็ต หรือจังหวัดพังงา หรือ ตรัง ซึ่งเป็นประเพณีปฎิบัติโบราณมานานนับร้อยปี\"คนทรงเจ้า\" ก็คือการเข้าทรงที่เหมือนกับการแสดง กล่าวคือในสังขารของคนทรงคนนั้นไม่มีเจ้าไม่มีพลังงานแฝงอยู่ในร่างกายเลย เป็นคนล้วนๆ แต่อยากจะเป็นคนทรงก็เลยอุปโหลกและตัดชุดพระกันมาใส่ด้วยความคิดที่ว่าเป็นแล้วคนจะเข้ามากราบเข้ามาไหว้ เป็นแล้วโก้ โชว์ผู้หญิงอะไรทำนองนี้ ซึ่งคนทรงเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นวันรุ่นในระนองที่ยังไม่เข้าใจพิธีกรรมฯคิดว่าเป็นเรื่องสนุกสนาน เป็นแฟชั่น ซึ่งจากคำบอกเล่าของผู้รู้ในศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ยบอกว่า ในระบบและขั้นตอนของการทรงเจ้าจะมีขั้นตอนดังนี้ คือ ถ้ามีใครที่อยากจะเป็นคนทรงเจ้าก็ให้เข้าไปบอกแล้วเขาก็จะดูลักษณะว่าจะเป็นได้หรือไม่ ถ้าได้เขาก็จะบอกว่าจะให้แสดงลงเป็นพระองค์ไหน หรือไม่ก็ถามว่าชอบพระองค์ไหนมีความรู้เรื่องพระองค์นี้มาบ้างหรือไม่ถ้าไม่มีเขาก็จะสอนให้ หลังจากนั้นก็จะมีการฝึกลักษณะท่าทางของพระองค์นั้นให้ หรือไม่ก็ให้ไปศึกษาไปหาไปดูมาจากตะกั่วป่าบ้าง ภูเก็ตบ้าง ที่เขาลงกันจริงๆ แล้วจำมามาฝึกท่าฝึกทางกันที่บ้านบ้าง ศาลฯบ้าง จนเห็นว่าชำนาญ ส่วนภาษาจีนก็ให้ฝึกเรียน ฝึกเขียนเอาถ้าขยัน หรือบางคนที่รู้มากก็เร็วหน่อยเพราะได้ฝึกท่าฝึกทางมาบ้างแล้วพอชำนาญ และถึงเวลามีงานก็มาเล่นละครโชว์กัน ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะเป็นความลับภายในของ\"คนทรงเจ้า\"ที่คนที่เข้าไปไม่ถึงไม่มีสิทธิ์รับรู้เลยเพราะจะมีการกำชับว่าห้ามพูดห้ามเปิดเผยเป็นอันขาด แต่เท่าที่ดูเท่าเห็นมามันก็น่าสงสัยอยู่แล้วว่าเป็นการทรงปลอม เพราะคนทรงเจ้าที่ศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ยนี้ เวลาทรงดูแล้วไม่เหมือน\"เจ้าทรงคน\"เลยมองตาก็รู้ ตาของคนชัดๆ ไม่มีลักษณะของการลงทรงเลย ดูแล้วเป็น\"คนทรงเจ้า\" มากกว่าเพราะลงมาแล้วก็ไม่เห็นจะมีอภินิหารย์ที่จะแสดงให้เห็นเลยว่าเป็นการเข้าทรงจริงๆอย่างที่ตะกั่วป่าหรือภูเก็ตที่มีการใช้เหล็กแหลมทิ่มแทง หรือลุยไฟ ไต่บันไดมีด ซึ่งจากที่เข้าไปสอบไปถามกับคนทรงเหล่านี้บางคนเขาก็บอกให้ฟังเหมือนกันว่าถ้าเข้ามาเป็นมาแสดงแล้วมันเลิกยาก เหมือนขึ้นหลังเสือ แต่จริงๆก็อยากจะเลิกแสดงเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะเลิกหรือจะลงจากหลังเสือยังไง เพราะเข้าไปรู้ความลึก แต่ไม่ลับ ของการเข้าทรงลงเจ้าแล้ว ก็เลยต้องจำยอมทนทำไปซึ่งบางทีก็รู้สึกกระดากใจเหมือนกันในเวลาที่มีคนเข้ามากราบมาไหว้ โดยเฉพาะคนแก่ๆ เฒ่าๆ ผมขาวๆ คราวพ่อ คราวแม่ ซึ่งก็รู้สึกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังเล่นละครหลอกเขา และที่สำคัญก็กำลังหลอกตัวเอง หลอกพ่อ หลอกแม่ หลอกลูกเมียตัวเองซึ่งบางทีมันก็เหมือนมีกรรม ที่ต้องทำต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้หยุดได้เมื่อไหร่ หรือจนกว่าจะไม่มีคนเข้าไปกราบเข้าไปไหว้ และก็คิดได้ละอายใจได้สักทีว่าจะมาลงเล่นละครหลอกเขาอยู่ทำไม? แล้วใครละจะเป็นผู้กำหนด นอกจากตัวเองเล่นเองก็คงต้องเลิกเอง หรือ เบื่อไปเอง?บทความนี้ขอรับรองว่าเป็นข้อมูลจริงและเป็นเรื่องจริงและเป็นประสบการณ์จริงๆ ที่ต้องการให้คนที่เข้าไปไหว้ \"คนทรงเจ้า\" ได้รับรู้และดูให้ออกว่าแบบไหนคือ \"คนทรงเจ้า\" และแบบไหน คือ \"เจ้าทรงคน\" เรื่องของการทรงเจ้าเท่าที่พบเท่าที่เห็นในปัจจุบันก็ยังมีการถกการเถียง กันว่ามีเจ้ามาเข้าทรงจริงหรือเปล่า? หรือคนไปทรงเจ้า แต่เรื่องราวที่จะเล่า ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงประสบการณ์จริงๆที่ได้รับรู้มาจากศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ย จังหวัดระนอง ด้วยการที่เข้าไปหาข้อมูลเรื่องนี้จากศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ยและจากที่เห็นและรู้มาด้วยตัวเองว่า \"คนทรงเจ้า\" กับ \"เจ้าทรงคน\" นี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง\"เจ้าทรงคน\" ก็คือคนที่มีเจ้ามาเข้าทรงจริงๆ คนทรงมีการปฎิบัติตัวดีจริง จิตใจดีจริง เป็นคนคิดดีพูดดี ไม่มีอิจฉาริษยา ซึ่งจะมาในลักษณะของพลังงานแฝงที่ไม่สามารถเห็นได้เป็นญาณเป็นพลังงาน มาเชื่อมจิตมาเชื่อมใจ สามารถที่จะสั่งให้สังขารของร่างทำอะไรได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเสียบเหล็กที่แหลมคมลงบนร่างกายเป็นสิบเล่ม ก็ไม่เป็นไร ซึ่งการกระทำดังกล่าวตามความเชื่อเล่าว่าเป็นการรับทุกข์รับเคราะห์หรือสะเดาะห์เคราะห์ให้กับผู้เข้าร่วมถือศีล กินเจ โดยผ่านสังขารของม้าทรง หรืออีกนับหนึ่งคือการถ่ายบาป ถ่ายกรรมให้กับคนทรง ซึ่งจะเห็นได้จากที่จังหวัดภูเก็ต หรือจังหวัดพังงา หรือ ตรัง ซึ่งเป็นประเพณีปฎิบัติโบราณมานานนับร้อยปี\"คนทรงเจ้า\" ก็คือการเข้าทรงที่เหมือนกับการแสดง กล่าวคือในสังขารของคนทรงคนนั้นไม่มีเจ้าไม่มีพลังงานแฝงอยู่ในร่างกายเลย เป็นคนล้วนๆ แต่อยากจะเป็นคนทรงก็เลยอุปโหลกและตัดชุดพระกันมาใส่ด้วยความคิดที่ว่าเป็นแล้วคนจะเข้ามากราบเข้ามาไหว้ เป็นแล้วโก้ โชว์ผู้หญิงอะไรทำนองนี้ ซึ่งคนทรงเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นวันรุ่นในระนองที่ยังไม่เข้าใจพิธีกรรมฯคิดว่าเป็นเรื่องสนุกสนาน เป็นแฟชั่น ซึ่งจากคำบอกเล่าของผู้รู้ในศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ยบอกว่า ในระบบและขั้นตอนของการทรงเจ้าจะมีขั้นตอนดังนี้ คือ ถ้ามีใครที่อยากจะเป็นคนทรงเจ้าก็ให้เข้าไปบอกแล้วเขาก็จะดูลักษณะว่าจะเป็นได้หรือไม่ ถ้าได้เขาก็จะบอกว่าจะให้แสดงลงเป็นพระองค์ไหน หรือไม่ก็ถามว่าชอบพระองค์ไหนมีความรู้เรื่องพระองค์นี้มาบ้างหรือไม่ถ้าไม่มีเขาก็จะสอนให้ หลังจากนั้นก็จะมีการฝึกลักษณะท่าทางของพระองค์นั้นให้ หรือไม่ก็ให้ไปศึกษาไปหาไปดูมาจากตะกั่วป่าบ้าง ภูเก็ตบ้าง ที่เขาลงกันจริงๆ แล้วจำมามาฝึกท่าฝึกทางกันที่บ้านบ้าง ศาลฯบ้าง จนเห็นว่าชำนาญ ส่วนภาษาจีนก็ให้ฝึกเรียน ฝึกเขียนเอาถ้าขยัน หรือบางคนที่รู้มากก็เร็วหน่อยเพราะได้ฝึกท่าฝึกทางมาบ้างแล้วพอชำนาญ และถึงเวลามีงานก็มาเล่นละครโชว์กัน ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะเป็นความลับภายในของ\"คนทรงเจ้า\"ที่คนที่เข้าไปไม่ถึงไม่มีสิทธิ์รับรู้เลยเพราะจะมีการกำชับว่าห้ามพูดห้ามเปิดเผยเป็นอันขาด แต่เท่าที่ดูเท่าเห็นมามันก็น่าสงสัยอยู่แล้วว่าเป็นการทรงปลอม เพราะคนทรงเจ้าที่ศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ยนี้ เวลาทรงดูแล้วไม่เหมือน\"เจ้าทรงคน\"เลยมองตาก็รู้ ตาของคนชัดๆ ไม่มีลักษณะของการลงทรงเลย ดูแล้วเป็น\"คนทรงเจ้า\" มากกว่าเพราะลงมาแล้วก็ไม่เห็นจะมีอภินิหารย์ที่จะแสดงให้เห็นเลยว่าเป็นการเข้าทรงจริงๆอย่างที่ตะกั่วป่าหรือภูเก็ตที่มีการใช้เหล็กแหลมทิ่มแทง หรือลุยไฟ ไต่บันไดมีด ซึ่งจากที่เข้าไปสอบไปถามกับคนทรงเหล่านี้บางคนเขาก็บอกให้ฟังเหมือนกันว่าถ้าเข้ามาเป็นมาแสดงแล้วมันเลิกยาก เหมือนขึ้นหลังเสือ แต่จริงๆก็อยากจะเลิกแสดงเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะเลิกหรือจะลงจากหลังเสือยังไง เพราะเข้าไปรู้ความลึก แต่ไม่ลับ ของการเข้าทรงลงเจ้าแล้ว ก็เลยต้องจำยอมทนทำไปซึ่งบางทีก็รู้สึกกระดากใจเหมือนกันในเวลาที่มีคนเข้ามากราบมาไหว้ โดยเฉพาะคนแก่ๆ เฒ่าๆ ผมขาวๆ คราวพ่อ คราวแม่ ซึ่งก็รู้สึกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังเล่นละครหลอกเขา และที่สำคัญก็กำลังหลอกตัวเอง หลอกพ่อ หลอกแม่ หลอกลูกเมียตัวเองซึ่งบางทีมันก็เหมือนมีกรรม ที่ต้องทำต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้หยุดได้เมื่อไหร่ หรือจนกว่าจะไม่มีคนเข้าไปกราบเข้าไปไหว้ และก็คิดได้ละอายใจได้สักทีว่าจะมาลงเล่นละครหลอกเขาอยู่ทำไม? แล้วใครละจะเป็นผู้กำหนด นอกจากตัวเองเล่นเองก็คงต้องเลิกเอง หรือ เบื่อไปเอง?บทความนี้ขอรับรองว่าเป็นข้อมูลจริงและเป็นเรื่องจริงและเป็นประสบการณ์จริงๆ ที่ต้องการให้คนที่เข้าไปไหว้ \"คนทรงเจ้า\" ได้รับรู้และดูให้ออกว่าแบบไหนคือ \"คนทรงเจ้า\" และแบบไหน คือ \"เจ้าทรงคน\" จาก : เล่าจริง แซ่จัง [ 07 09 2549 - 10:41:36 ]

ทัวร์สุขภาพบำบัด


โครงการทัวร์สุขภาพ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และสุขภาพ ตรวจสุขภาพ ล่องแพชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำนครชัยศรี พร้อมคาราโอเกะ เพื่อลดพฤติกรรมความเสี่ยงของโรคภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการณ์ นมัสการหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นมัสการพระพุทธีปังกร วัดบางระกำ แวะซื้อสินค้าพื้นบ้านที่ตลาดน้ำวัดลำพญา จ.นครปฐม พบแพทย์แผนไทย นวดตัวหรือนวดฝ่าเท้า ท่านละ 1 ชม. ระหว่างล่องแพ


สุขภาพดีไม่มีขาย



หากใครคิดว่ามีเงินก็ซื้อความมีสุขภาพดีได้ .. ขอบอกว่าคุณจะต้องเสียเงินมากมาย ..

แต่ก็จะค้นหาสุขภาพดีให้ตัวเองไม่ได้เลย